‘สุริยาหีบศพ 2499’ บริษัทที่พนักงานทุกคนต้องจับศพ เพื่อความสบายใจของลูกค้า
‘สุริยาหีบศพ 2499 พรานนก-ศิริราช’ ธุรกิจบริการหลังความตายที่ให้ความสำคัญกับ ‘การบริการ’ อันดับหนึ่ง เพราะโจทย์ของแบรนด์ไม่ใช่แค่การขายโลงศพ แต่ขายความสบายใจให้ลูกค้า ดังนั้น พนักงานทุกคนต้องรู้ขั้นตอนทุกอย่างเป็นอย่างดี รวมถึงต้องเคยจับศพจริง ๆ ด้วย ในวันนี้คอลัมน์ The Success การเรียนรู้สู่ความสำเร็จ ของ Dek-D ได้รับเกียรติจาก ‘คุณพ่อโกญจนาท สุริยเสนีย์’ ทายาทรุ่นที่ 2 และ ‘พี่ฟีฟ่า-คณกฤษ สุริยเสนีย์’ ทายาทรุ่นที่ 3 ที่จะมาบอกเล่าการทำงานของธุรกิจ และการเทรนพนักงานให้มีคุณภาพตามฉบับของสุริยาหีบศพ 2499 พร้อมรายละเอียดในการจัดการเมื่อเกิดการเสียชีวิตของคนใกล้ชิด และค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ ดังนี้
จากบริการรับ-ส่งศพ สู่ธุรกิจจัดงานศพครบวงจร
สุริยาหีบศพ 2499 พรานนก-ศิริราช มีจุดเริ่มต้นมาจากอากง (คุณพรเทพ สุริยเสนีย์) ขับรถตู้รับ-ส่งศพ จากโรงพยาบาลศิริราชไปที่วัด รวมถึงมีโอกาสได้เข้าไปคลุกคลีและทำงานร่วมกับหมอที่ห้องรับศพ โดยมีหน้าที่คือ การฉีดยาศพ อากงสะสมประสบการณ์การทำงานกับศพมาเป็นระยะเวลาหลายปี ก่อนจะหันมาทำธุรกิจเริ่มประกอบหีบศพด้วยตัวเอง และเปิดร้านขายแบบจริงจัง ซึ่งนับว่าเป็นศูนย์จำหน่ายหีบศพแห่งแรกในประเทศไทย
เมื่อกิจการขายโลงศพเติบโตขึ้นก็ได้ขยับขยายธุรกิจมาสู่บริการ One Stop Service รับจัดงานศพแบบครบวงจร ตั้งแต่การฉีดยารักษาสภาพศพ บริการเคลื่อนย้ายศพทั้งในประเทศและต่างประเทศ ออกแบบและตกแต่งหีบศพ จัดดอกไม้และพวงหรีด ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา (ไทย จีน คริสต์) ของชำร่วย และพิธีลอยอังคาร เรียกได้ว่า ครบจบที่สุริยา 2499
หีบศพในสมัยก่อนเป็นหีบไม้สี่เหลี่ยม มีเพียงสีของไม้ และสีขาว ยุคนั้นหีบที่ถือว่าหรูหรามีราคามากที่สุดต้องยกให้หีบเทพพนม ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่กลายเป็นหีบมาตรฐานไปแล้ว เมื่อถึงคราวที่ทายาทรุ่นที่สอง อย่าง ‘คุณพ่อโกญจนาท’ เข้ามาสานต่อก็ได้มีการออกแบบหีบศพให้มีความหลากหลาย และมีความทันสมัยมากขึ้น เพิ่มสีสัน เพิ่มการประดับโลง เพื่อลดความน่ากลัว พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้แบรนด์มากขึ้น โดยการแปะสติ๊กเกอร์โลโก้แบรนด์บนรถตู้ ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความน่าเชื่อถือ โดยการให้ความสำคัญเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม ของเจ้าหน้าที่บริการ อย่างพนักงานขับรถตู้และเจ้าหน้าที่ประกอบพิธีกรรม เพื่อภาพลักษณ์ที่ดูดีและการทำงานในระดับมืออาชีพมากขึ้น แต่ยังรักษาคุณภาพของการบริการที่ดีเอาไว้เช่นเดิม
ปัจจุบันธุรกิจถูกส่งต่อมายังทายาทรุ่นที่สาม อย่าง ‘พี่ฟีฟ่า’ หนุ่มการโรงแรมที่ผันตัวมาบริหารธุรกิจหลังความตายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจต่างๆ เริ่มทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น คุณพ่อเล็งเห็นว่า การให้เด็กๆ รุ่นใหม่เข้ามาบริหารและทำการตลาดน่าจะเหมาะสมกว่า จึงให้พี่ฟีฟ่าลองเข้ามาศึกษาการทำงาน และดูแลเรื่องการตลาดของสุริยาหีบศพ 2499 ด้วยตัวเองตั้งแต่ปี 2562
เด็กการโรงแรม กับการบริหารธุรกิจความตาย
ตอนมัธยมพี่ฟีฟ่าเรียนอยู่ที่ โรงเรียนมัธยมวัดนายโรง แผนการเรียน English Program ในช่วงวัยนี้มีความสนใจด้านกีฬาเป็นพิเศษ ทั้งตีกอล์ฟ ฟุตบอล เวลาว่างส่วนใหญ่ก็มักจะทุ่มเทให้กับการเล่นกีฬาเป็นหลัก และหลังจากเรียนจบ ม.6 ตัดสินใจสอบเข้าสาขาการจัดการการท่องเที่ยวและบริการ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล
สำหรับสาขาการจัดการการท่องเที่ยวและบริการ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล จะเน้นสอนเกี่ยวกับความรู้และทักษะที่สำคัญเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การบริการ การจัดการกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยมีการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ซึ่งนักศึกษาจะได้เลือกเอกในช่วงปี 3 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มการท่องเที่ยวและกลุ่มการโรงแรม ซึ่งพี่ฟีฟ่าเลือกเรียนเอกการโรงแรม โดยเอกนี้จะเน้นสอนความรอบรู้ทางวิชาการด้านการโรงแรม และงานบริการในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็น การบริการและต้อนรับส่วนหน้า การปฏิบัติงานครัว การบริการอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงยังเน้นรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการและธุรกิจ เช่น การจัดงานอีเวนต์ การเงินธุรกิจ การบัญชี และการตลาดอีกด้วย
พี่ฟีฟ่าเล่าว่า หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เข้ามาทำงานที่โรงงานเลยทันที และถึงแม้ว่าจะเห็นภาพการทำงานมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อเข้ามารับช่วงต่อกิจการแล้ว พี่ฟีฟ่าเองก็ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด โดยโจทย์แรกที่คุณพ่อมอบให้ คือ การทำความคุ้นเคยกับศพ ด้วยการฉีดยาศพ และขับรถตู้รับ-ส่งศพ เพื่อดูว่ามีความกลัวมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเขาก็สามารถผ่านด่านแรกที่ใครหลายๆ คนถอดใจไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ ยังต้องศึกษาและเรียนรู้กระบวนการทำงานภายในโรงงานในทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกไม้ การตัดไม้ การประกอบและตกแต่งหีบศพ ไปจนถึงการบริการลูกค้า ซึ่งเป็นงานที่สุริยาหีบศพ 2499 ให้ความสำคัญมากที่สุด
บริการด้วยใจเหมือนกับคนในครอบครัว
คุณพ่อโกญจนาทได้เล่าให้ฟังถึงแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้าว่า รูปแบบหีบศพและพิธีกรรมต่างๆ เป็นสิ่งที่ใครก็สามารถเลียนแบบกันได้ แต่สิ่งที่เลียนแบบยากที่สุด คือ ความสามารถในการบริการ และการมีใจรักในการบริการของบุคลากร ส่วนนี้เป็นสิ่งที่เลียนแบบกันได้ยาก ดังนั้น พนักงานทุกคนจะต้องผ่านการเทรนมาอย่างดี
สำหรับขั้นตอนการเทรนพนักงาน ถ้ามีคนมาสมัครงาน 10 คน ก็จะรับทั้งหมด ซึ่งด่านแรกที่ทุกคนต้องเจอก็คือ ต้องไปดูและจับศพก่อน ซึ่งก็มีหลายคนที่ถอดใจออกไป ส่วนคนที่ยังอยู่ก็จะเริ่มสอนฉีดยารักษาสภาพศพ การแต่งตัวให้กับศพ โดยที่จะต้องทำอย่างนุ่มนวล เพราะส่วนใหญ่ญาติผู้เสียชีวิตจะดูการทำงานอยู่ใกล้ๆ หากทำด้วยความรุนแรงก็อาจจะสร้างความไม่ไว้วางใจให้กับญาติได้ หลังจากผ่านด่านนี้ไปได้ก็จะเข้าสู่การเรียนรู้ในขั้นตอนอื่นๆ เช่น การยกหีบศพ การผลิตโลง การจัดดอกไม้ การประกอบพิธี และการบริการ
พี่ฟีฟ่าเสริมในส่วนของการเทรนพนักงานว่า เนื่องจากงานหีบศพจะคาดคะเนออเดอร์เข้าค่อนข้างยาก สิ่งสำคัญคือต้องวนจำนวนพนักงานให้ดี ดังนั้น ทุกคนต้องทำได้ทุกหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น การตัดไม้ ประกอบโลง ทาสี จัดดอกไม้ การประกอบพิธีกรรม หรือแม้กระทั่งการพูดคุยกับลูกค้า โดยจะคอยสังเกตว่าแต่ละคนมีความถนัดในด้านใดเป็นพิเศษ ก่อนจะแยกให้ไปทำด้านนั้นๆ ที่เขาถนัด แต่โดยพื้นฐานแล้วทุกคนจะต้องทำได้หมดทุกหน้าที่ โดยปกติเวลาออกงานแต่ละครั้ง งานไทยส่วนใหญ่จะมีเจ้าหน้าที่บริการทั้งหมด 5 คน ได้แก่ อาจารย์ประกอบพิธี 1 คน ประสานงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ยกหีบอีก 3 คน แต่ถ้าสเกลงานใหญ่ขึ้น ต้องมีการจัดพิธียิ่งใหญ่ก็ต้องเพิ่มจำนวนคนให้เหมาะสมกับขนาดของงาน
คุณพ่อเสริมในส่วนของตำแหน่งประสานงานว่า ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับการเทรนเป็นพิเศษเนื่องจากต้องพูดคุยและนำเสนองานกับญาติผู้สูญเสียโดยตรง ดังนั้น สีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียง จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง และคอยสังเกตสถานการณ์ว่า จะนำเสนอยังไง ต้องพูดช่วงไหน ช่วงแรกคุณพ่อจะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยที่ให้เขาคอยสังเกตวิธีการพูด วิธีการเข้าหาลูกค้า หลังจากนั้นก็ให้ลงมือทำจริง โดยที่คุณพ่อจะคอยดูอยู่ห่างๆ และให้คำแนะนำทีหลังว่าตรงไหนดี ตรงไหนควรปรับ เพื่อการทำงานที่ดีในครั้งถัดไป
ในส่วนของบริการพี่ฟีฟ่าก็ได้นำทักษะที่ได้จากตอนเรียนการโรงแรมมาประยุกต์กับการทำงาน นั่นคือ การเป็นคนช่างสังเกต ตาต้องละเอียด ดูความเรียบร้อยภาพรวมว่าว่าลูกค้าหรือแขกต้องการอะไร เช่น เห็นคนกำลังเศร้าต้องเดินเอาทิชชูกับน้ำไปให้ โดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปากขอ ซึ่งทักษะนี้พี่ฟีฟ่าก็ได้นำมาถ่ายทอดให้กับพนักงานด้วยเช่นกัน
สิ่งสำคัญที่สุริยา 2499 ปลูกฝังให้กับพนักงานทุกคน คือ การทำงานกับความเชื่อและความรู้สึกของคนที่สูญเสียเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน งานไม่ได้ทำให้คนตายเพียงอย่างเดียว แต่ทำให้คนอยู่สบายใจขึ้น ดังนั้น เวลาที่บริการต้องทำด้วยใจ ต้องทำด้วยความรู้สึกที่ดี ราวกับว่าเราเป็นเหมือนคนในครอบครัว คอยสังเกตและทำความเข้าใจความรู้สึกของเขาเท่านั้น พี่ฟีฟ่าเล่าว่า ทุกครั้งที่ให้บริการด้วยใจ มันสามารถช่วยเซฟความรู้สึกของญาติผู้สูญเสียได้จริง ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะทักกลับมาขอบคุณที่ทำให้เขารู้สึกเบาใจขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจัดการงานศพ หรือแม้กระทั่งการความรู้สึก เพราะในหลายๆ ครั้งมันช่วยให้เขารู้สึกปล่อยวางได้มากขึ้น
กว่าจะได้ 1 หีบศพ ต้องผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง
สุริยาหีบศพ 2499 มีการพัฒนารูปแบบของโลงศพให้มีความทันสมัย และมีตัวเลือกที่หลากหลายในแบบที่เหมาะสมกับทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็น โลงศพไทย โลงศพจีน โลงศพคริสต์
การผลิตโลงศพเริ่มต้นจากการตัดแผ่นไม้ ออกเป็นชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ด้านข้าง หัวท้าย ฝาโลง และฐานตามขนาดที่กำหนด ก่อนจะนำมาประกอบโลงโดยใช้เครื่องยิงตะปูลม แล้วนำมาทาสี ตกแต่งภายนอกให้มีความสวยงาม พร้อมบุผ้าภายใน โดยมีให้เลือกทั้งผ้านวม ผ้าต่วน ผ้าไหม ซึ่งการบุผ้าภายในนอกจากจะช่วยในเรื่องของความสวยงามแล้วก็ยังช่วยป้องกันการรั่วซึมของน้ำเหลืองได้อีกด้วย โดยขนาดมาตรฐานของโลงมีความยาวอยู่ที่ 190 เซนติเมตร ความสูง 65 เซนติเมตร และมีความกว้างให้เลือกทั้งหมด 3 ขนาด ได้แก่ 20 นิ้ว, 22 นิ้ว และ 24 นิ้ว ซึ่งโดยปกติแล้วหีบมาตรฐานจะใช้เวลาผลิตประมาณ 1-2 ชั่วโมง
สำหรับไม้ที่ใช้ในการทำโลงศพ โดยส่วนใหญ่จะใช้ไม้ปาร์ติเกิล ซึ่งเป็นไม้อัดที่เผาไหม้ได้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีไม้อัด MDF และไม้กันชื้น HMR ที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการตกแต่งโลงศพ และไม้สักแท้ ที่ส่วนใหญ่นิยมนำมาทำเป็นหีบจำปา (หีบสำหรับคนจีน) อีกด้วย
ปัจจุบันการผลิตโลงศพของสุริยา 2499 ก็ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จากเดิมสีที่ใช้ทาโลงจะผสมทินเนอร์ กลิ่นจึงค่อนข้างมีความเหม็นฉุนรบกวนชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง ก็ได้เปลี่ยนมาผสมน้ำแทน นอกจากนี้ ยังสร้างห้องเก็บเสียงแบ่งโซนการทำงาน เช่น ห้องประกอบโลง ห้องตกแต่งภายใน ห้องพ่นสี เพื่อลดปัญหาเรื่องของกลิ่น ฝุ่น และเสียง ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้
ทั้งนี้ แบรนด์ยังมีกองทุนบริจาคโลงศพ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยมีการรับบริจาคมาตั้งแต่รุ่นอากง ปัจจุบันกองทุนบริจาคโลงศพ อยู่ที่กองทุนละ 1,800 บาท โดยในแต่ละเดือนมียอดผู้ที่บริจาคมากถึง 200 รายด้วยกัน ซึ่งยอดที่ได้จากการบริจาคแบรนด์ก็จะนำมาเป็นต้นทุนในการผลิตโลงศพต่อไป โดยต้นทุนในการผลิตโลงศพจะอยู่ที่ 1,200 บาท ส่วนเงินที่เหลือก็จะถูกนำไปเป็นกองทุนสำหรับค่าน้ำมันในการขนย้ายหีบศพ สำหรับผู้ที่ต้องการส่งหีบศพกลับบ้าน โลงศพที่มาจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา นอกจากจะมอบให้ผู้ที่เข้ามาขอรับบริจาคที่บริษัทแล้ว ทางแบรนด์ก็ได้มีการส่งมอบให้กับวัด ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัดด้วยเช่นกัน โดยหลังจากที่ส่งมอบก็จะมีการถ่ายภาพยืนยันกับผู้บริจาคว่าถึงมือผู้ต้องการใช้งานจริง
ทำการตลาดผ่านแบรนด์บริ-บุญ
ก่อนหน้านี้ในรุ่นของอากงและคุณพ่อจะให้ความสำคัญกับเรื่องบริการกับคุณภาพพนักงานเป็นหลัก แต่ยังขาดการประชาสัมพันธ์และการทำการตลาดในโซเชียลมีเดีย บวกกับเป็นธุรกิจขายโลงศพ การทำตลาดจึงค่อนข้างทำได้ยาก นั่นจึงทำให้พี่ฟีฟ่าจุดประกายไอเดียเริ่มต้นธุรกิจใหม่ นั่นคือ ‘บริ-บุญ’ แบรนด์ลูกที่จะมาช่วยทำการตลาดให้กับสุริยาหีบศพ 2499 ในระยะยาว
เดิมทีสุริยามีการรับบริจาคโลงศพอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้จึงเลือกไปบริจาคที่วัดหรือที่มูลนิธิ ทำให้คนเข้ามาบริจาคกับแบรนด์น้อย ในขณะเดียวกันนั้นก็มีคนที่เข้ามาขอรับบริจาคโลงศพกับแบรนด์อยู่เป็นประจำ นั่นจึงทำให้พี่ฟีฟ่าตั้งใจว่าจะให้บริ-บุญ เป็นตัวกระจายสะพานบุญอีกหนึ่งช่องทาง และทำให้การบริจาคเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น
โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะ ‘ซื้อ 1 พวงหรีด บริจาค 1 โลงศพ’ หรือ ‘บริจาค 1 โลงศพ แถม 1 พวงหรีด’ โดยที่ทั้งสองบริการนี้จ่ายในราคาเท่ากัน คือ 2,600 บาท ในกรณีที่ลูกค้าซื้อพวงหรีดเท่ากับว่าจะได้บริจาคโลงไปด้วย หรืออีกกรณีลูกค้าเลือกบริจาคโลงศพก็จะได้พวงหรีดแถมไปด้วยเช่นกัน สำหรับพวงหรีดหากลูกค้ายังไม่จำเป็นต้องใช้ก็สามารถเก็บไว้ที่ร้านก่อนได้ เมื่อต้องใช้ทางร้านก็จะนำส่งให้ถึงที่ ซึ่งพวงหรีดแต่ละพวงจะทำมาจากกระดาษลัง เพื่อให้ง่ายต่อการกำจัด และสามารถนำไปรีไซเคิลต่อได้ ที่สำคัญแบรนด์จะออกเอกสารรับรองการบริจาค พร้อมระบุชื่อผู้บริจาค และผู้รับบริจาคให้อย่างครบถ้วน เพื่อความสบายใจและความโปร่งใส
นอกจากบริการขายพวงหรีดกับบริจาคโลงศพที่ทำหน้าที่เป็นสะพานบุญให้คนทั่วไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่สร้างขึ้นมาภายใต้แบรนด์บริ-บุญ นั่นคือ การซื้อเฟอร์นิเจอร์โต๊ะหรือเก้าอี้ 1 ตัว = บริจาคโต๊ะหรือเก้าอี้อีก 1 ตัว โดยมีรูปทรงต่างๆ ให้เลือกมากมาย เช่น เก้าอี้พี่ยีราฟ เก้าอี้น้องแมว โต๊ะเขียนหนังสือน้องหมาพันธุ์ชเนาเซอร์ โดยโต๊ะหรือเก้าอี้เหล่านี้จะถูกส่งมอบให้กับเด็กๆ ตามโรงเรียน ซึ่งทางแบรนด์มีบริการสลักชื่อหรือข้อความบนเฟอร์นิเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นที่ซื้อใช้เอง หรือชิ้นที่บริจาคให้กับน้องๆ ก็สามารถสลักได้เช่นกัน
#สุริยาหีบศพ 2499 พรานนก-ศิริราช
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor